เมนู

9. ปฐมาปุตตกสูตร



[386] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ใน
เวลาเที่ยงวัน ถวายบังคมแล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า เชิญเถิดมหาบพิตร
พระองค์เสด็จจากไหนมาในเวลาเที่ยงวัน.
พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คฤหบคีผู้เป็น
เศรษฐีในกรุงสาวัตถีนี้ กระทำกาลกิริยาแล้ว ข้าพระองค์ให้ขนทรัพย์สมบัติ
อันไม่มีบุตรรับมรดกนั้น มาไว้ในพระราชวังแล้วก็มา ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
เฉพาะเงินเท่านั้นมี 8,000,000 ส่วนเครื่องรูปิยะไม่ต้องพูดถึง ก็แต่คฤหบดีผู้
เป็นเศรษฐีนั้น ได้บริโภคอาหารเห็นปานนี้ คือบริโภคปลายข้าวกับน้ำส้มพะอูม
ได้ใช้ผ้าเครื่องนุ่งห่มเห็นปานนี้ คือนุ่งห่มผ้าเนื้อหยาบที่ตัดเป็นสามชิ้นเย็บ
ติดกัน ได้ใช้ยานพาหนะเห็นปานนี้ คือใช้รถเก่า ๆ กั้นร่มทำด้วยใบไม้.
[387] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร ข้อนี้เป็น
อย่างนั้น ดูก่อนมหาบพิตร ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูก่อนมหาบพิตร อสัตบุรุษ
ได้โภคะอันโอฬารแล้ว ไม่ทำตนให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำเลย
ไม่ทำมารดาและบิดาให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ไม่ทำบุตรและ
ภรรยาให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ไม่ทำทาสกรรมกรให้ได้รับ
ความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ไม่ทำมิตรเละอำมาตย์ให้ได้รับความสุข
ให้ได้รับความอิ่มหนำ ไม่ทำทักษิณาอันมีผลในเบื้องบน มีอารมณ์ดี มีวิบาก
เป็นสุข เป็นไปเพื่อสวรรค์ ให้ตั้งอยู่ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย โภคะเหล่านั้น

ของเขาที่มิได้ใช้สอยโดยชอบอย่างนี้ พระราชาทั้งหลายเอาไปบ้าง โจรทั้งหลาย
เอาไปบ้าง ไฟไหม้เสียบ้าง น้ำพัดไปเสียบ้าง ทายาททั้งหลายผู้ไม่เป็นที่รัก
เอาไปบ้าง.
ดูก่อนมหาบพิตร เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่มิได้ใช้สอยโดยชอบของเขา
เหล่านั้น ย่อมหมดสิ้นไปเปล่าโดยไม่มีการบริโภคใช้สอย.
ดูก่อนมหาบพิตร ในที่ของอมนุษย์ มีสระโบกขรณีซึ่งมีน้ำใส มี
น้ำเย็น มีน้ำจืดสนิท ใสตลอด มีท่าดี น่ารื่นรมย์ น้ำนั้นคนไม่พึงตักเอา
ไปเลย ไม่พึงดื่ม ไม่พึงอาบ หรือไม่พึงกระทำตามที่ต้องการ ดูก่อนมหาบพิตร
ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ น้ำที่มิได้บริโภคโดยชอบนั้น พึงถึงความหมดสิ้นไปเปล่า โดย
ไม่มีการบริโภค แม้ฉันใด ดูก่อนมหาบพิตร อสัตบุรุษได้โภคะอันโอฬารแล้ว
ไม่ทำตนให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำเลย ฯลฯ ดูก่อนมหาบพิตร
เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่มิได้บริโภคโดยชอบของเขาเหล่านั้น ย่อมถึงความหมดสิ้น
ไปเปล่าโดยไม่มีการบริโภค ฉันนั้นเหมือนกัน.
[388] ดูก่อนมหาบพิตร ส่วนสัตบุรุษได้โภคะอันโอฬารแล้ว ย่อม
ทำตนให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ย่อมทำมารดาและบิดาให้ได้
รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ย่อมทำบุตรและภรรยาให้ได้รับความสุข
ให้ได้รับความอิ่มหนำ ย่อมทำทาสกรรมกรให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความ
อิ่มหนำ ย่อมทำมิตรและสหายให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ย่อม
ประดิษฐานซึ่งทักษิณาอันมีผลในเบื้องบน มีอารมณ์ดี มีวิบากเป็นสุข เป็นไป
เพื่อสวรรค์ ไว้ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย โภคะเหล่านั้นของเขา ที่บริโภค
โดยชอบอยู่อย่างนี้ พระราชาทั้งหลายก็เอาไปไม่ได้ โจรทั้งหลายก็เอาไปไม่ได้
ไฟก็ไม่ไหม้ น้ำก็ไม่พัดไป ทายาททั้งหลายผู้ไม่เป็นที่รักก็เอาไปไม่ได้.

ดูก่อนมหาบพิตร เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่บริโภคอยู่โดยชอบของเขา
เหล่านั้น ย่อมมีการบริโภค ไม่หมดสิ้นไปเปล่า.
ดูก่อนมหาบพิตร ในที่ไม่ใกล้คามหรือนิคม มีสระโบกขรณี ซึ่งมี
น้ำใส มีน้ำเย็น มีน้ำจืดสนิท ใสตลอด มีท่าดี น่ารื่นรมย์ น้ำนั้นคนพึงตัก
ไปบ้าง พึงดื่มบ้าง พึงอาบบ้าง พึงกระทำตามที่ต้องการบ้าง ดูก่อนมหาบพิตร
ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ น้ำที่บริโภคอยู่โดยชอบนั้น พึงมีการบริโภค ไม่หมดสิ้นไป
เปล่า แม้ฉันใด ดูก่อนมหาบพิตร สัตบุรุษได้โภคะอันโอฬารแล้ว ย่อมยังตน
ให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ฯลฯ เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่บริโภค
อยู่โดยชอบของเขาเหล่านั้น ย่อมมีการบริโภค ไม่หมดสิ้นไปเปล่า ฉันนั้น
เหมือนกัน.
[389] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์
คำร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า
น้ำมีอยู่ในถิ่นของอมนุษย์ คนย่อม
งดน้ำที่ไม่พึงดื่มนั้น ฉันใด คนชั่วได้
ทรัพย์แล้ว ย่อมไม่บริโภคด้วยตนเอง
ย่อมไม่ให้ทาน ฉันนั้น ส่วนวิญญูชนผู้มี
ปัญญา ได้โภคะแล้ว เขาย่อมบริโภค
และทำกิจ เขาเป็นคนอาจหาญ เลี้ยงดู
หมู่ญาติ ไม่ถูกติเตียน ย่อมเข้าถึงแดน
สวรรค์.

อรรถกถาปฐมาปุตตกสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในปฐมาปุตตกสูตรที่ 9 ต่อไป :-
บทว่า ทิวาทิวสฺส แปลว่า วันแห่งวัน อธิบายว่า เวลากลางวัน
(เที่ยงวัน). บทว่า สาปเตยฺยํ แปลว่า ทรัพย์. บทว่า โก ปน วาโท
รูปิยสฺส
ความว่า ก็จะป่วยกล่าวไปไยถึงสิ่ง ทั้งที่ทำเป็นแท่ง ต่างโดยเป็น
เงิน ทองแดง เหล็ก สำริดเป็นต้น ทั้งที่เป็นรูปิยภัณฑ์ ต่างโดยเป็นภาชนะ
ใช้สอยเป็นต้น คือจะพูดกำหนดอะไรกันว่า ชื่อมีเท่านี้. บทว่า กณาชกํ
ได้แก่ ข้าวมีรำ (ข้าวกล้อง). บทว่า ทิลงฺคทุติยํ แปลว่า มีน้ำส้มพะอูม
เป็นที่สอง. บทว่า สาณํ ได้แก่ ผ้าที่ทำด้วยเปลือกป่าน. บทว่า ติปกฺข-
วสนํ
ได้แก่ ผ้าที่ตัดเป็น 3 ชิ้น เย็บริมทั้งสองติดกัน.
บทว่า อสปฺปุริโส แปลว่า บุรุษผู้เลว. ทักษิณาชื่อว่า อุทฺธคฺคิกา
ในคำว่า อุทฺธคฺคิกํ เป็นต้น เพราะมีผลในเบื้องบน (สูง) โดยให้ผลใน
ภูมิสูง ๆ ขึ้นไป. ชื่อว่า โสวคฺคิกา เพราะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่สวรรค์
เหตุให้อุบัติในสวรรค์นั้น. ชื่อว่า สุขวิปากา เพราะทักษิณานั้นมีสุขเป็นวิบาก
ในที่บังเกิดแล้วบังเกิดเล่า. ชื่อว่า สคฺคสํวตฺตนิกา เพราะเป็นที่บังเกิดของ
วิเศษ มีวรรณะทิพย์เป็นต้นอันเลิศดี. อธิบายว่า ทักษิณาทานเห็นปานนี้
ย่อมประดิษฐานอยู่.
บทว่า สาโตทกา ได้แก่ มีน้ำรสอร่อย. บทว่า เสตกา ได้แก่
น้ำอันขาว เพราะน้ำในที่คลื่นแตกกระจาย สีขาว. บทว่า. สุปติตฺถา แปลว่า
มีท่าอันดี. บทว่า ตญฺชโน ความว่า น้ำที่จืดสนิท โดยน่าชนิดใด ชนหา